วิตามินซี (กรดแอล-แอสคอร์บิก: L-ascorbic acid / แอสคอร์เบต: Ascorbate) คือวิตามินชนิดที่ละลายน้ำได้จึงไม่สะสมในร่างกาย วิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงสุดและมีความจำเป็นในกระบวนการเสริมสร้างคอลลาเจนซึ่งมนุษย์ไม่สามารถสังเคราะห์วิตามินซีได้จึงต้องรับวิตามินซีจากภายนอกเข้าไป
เพื่อป้องกันภาวะขาดวิตามินซีร่างกายจึงควรได้รับอย่างน้อย 60 มิลลิกรัม / วัน สำหรับผู้ที่ต้องการวิตามินซีมาใช้ในการบำรุงผิวพรรณหรือช่วยในเรื่องการรักษาบาดแผลให้เพิ่มไปที่ 1,000 - 4,000 มิลลิกรัม/ วัน หรืออาจจะมากกว่านั้นแต่ไม่ควรมากถึงระดับ 10,000 มิลลิกรัม / วัน เพราะอาจส่งผลให้เกิดนิ่วได้หรือท้วงร่วงได้
อาหารเสริมวิตามินซี
ปัจจุบันมีวิตามินซีสังเคราะห์ที่มาในรูปแบบของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อให้การได้รับวิตามินซีมีความง่ายดายมากยิ่งขึ้น แต่หลายคนยังคงไม่รู้จักวิตามินซีสังเคราะห์และก้มหน้าก้มตากินเข้าไปโดยไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ เรียกว่ากินเข้าไปเท่าไหร่ก็ถับออกมาเท่านั้น เท่ากับว่ากินวิตามินซีแบบเสียเงินไปฟรีๆ
วิตามินซีธรรมชาติที่ได้จากผักผลไม้ร่างกายสามารถดูดซึมนำไปใช้งานได้ตามกระบวนการดูดซึมปกติ (วิตามินซีสูงสุดคือฮิปโรส) แต่วิตามินซีสังเคราะห์นั้นถือเป็นสิ่งแปลกปลอมที่ร่างกายไม่รู้จักจึงไม่สามารถดูดซึมไปใช้งานได้ การกินวิตามินซีสังเคราะห์จึงไม่ก่อประโยชน์ใดๆแม้แต่น้อย
ไม่ว่าจะกินวิตามินซีสังเคราะห์เท่าไหร่ร่างกายก็จะขับออกมาจนหมด ทดสอบได้โดยการกินวิตามินซีสังเคราะห์เข้าไปแล้วทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง จากนั้นไปตรวจเลือดดูว่าพบปริมาณวิตามินซีที่กินเข้าไปหรือไม่ แต่ก็ไม่ต้องกลุ่มไปเพราะยังมีวิธรการกินวิตามินซีสังเคราะห์ให้ได้ประโยชน์อยู่
กินวิตามินซีอย่างไร
วิตามินซีธรรมชาตินั้นสามารถกินตอนไหนก็ได้ตลอดทั้งวัน แต่สำหรับวิตามินซีสังเคราะห์นั้นต้องเลือกช่วงเวลากินให้ถูกจึงจะได้รับประโยชน์และไม่ถูกขับออกจากร่างกายอย่างสูญเปล่า โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะกินวิตามินซีสังเคราะห์ก็คือช่วงเวลาหลังอาหารมื้อเช้า ถามว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น
หลังอาหารเช้าถือเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายสามารถดูดซึมวิตามินได้ดีที่สุด แม้จะบอกว่าวิตามินซีสังเคราะห์เป็นสิ่งแปลกปลอมที่ร่างกายไม่รู้จักแต่อาหารในมื้อเช้าจะเป็นตัวช่วยนำพาเอาวิตามินซีสังเคราะห์เข้าสู่ร่างกายได้ การกินวิตามินซีสังเคราะห์หลังอาหารเช้าจึงเป็นเคล็ดลับการกินที่ถูกต้องและได้ประโยชน์